วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

เสน่ห์สาวภูไท ^^



ได้ยินเพลงนี้ทีไร เขินทุกทีเลย...
แม้เขาจะไม่ได้หมายถึงเราก็เหอะนะ น่ารักอ่ะ น่ารักๆ ^^

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

ไข่มดส้ม


ไข่มดส้ม 

    ไม่ต้องงกันหรอกค่ะ ภาษาภูไท เขาเรียก ไข่มดส้ม ซึ่งมันก็คือ ไข่มดแดง  นี่แหละค่ะ เพราะชาวภูไทเรา เรียกมดที่อยู่ตามรู ตามรัง ชอบกัดคน ตอมของหวาน และมีสีแดง อ่อที่สำคัญกินไม่ได้นะคะ ว่า มดแดง ส่วนนี่คงเป็นเพราะตัวมันสีส้มมั้งคะ และรสชาติเปรี้ยวๆ (ส้ม) กินได้ อร่อยด้วย เลยเรียก มดส้ม
    ไข่มดส้ม เราเคยกินนะ อร่อยมากด้วย ที่บ้านก็จะชอบ แกงใส่ผักหวานบ้าง หลนใส่ไข่บ้าง อร่อยมากเลยล่ะค่ะ คุณผู้โช้มมม 555 นึกว่า อ. ยิ่งศักดิ์มาเอง ที่บ้านคุณตาจะชอบเลี้ยงไว้ อาจจะฟังดูฮา แต่เป็นเรื่องจริง เลี้ยงไว้ให้มันทำรังอยู่บนต้นมะยม ต้นยอ หรือแม้แต่ต้นมะม่วง เอาไว้ใส่พวกต้มปลา ต้มไก่ให้มีรสชาติดีขึ้น แทนการใส่มะนาว ซึ่งอร่อยกว่าเยอะเลยล่ะค่ะ ที่สำคัญ เวลา วิงเวียนศีรษะ หรือ หน้ามืด มดส้มก็ถือเป็น ยา ขนาดดีเลยทีเดียวค่ะ เอามาขยี้ๆ นิดนึง แล้วดม รับรองหายในพริบตาค่ะ ภูมิปัญญาล้วนๆ เลยนะ อิอิ

กะปอม


กะปอม = กิ้งก่า = tree lizard

     กะปอม  ถือเป็นอาหารอันโอชะของพี่น้องภูไทหลายๆ คน ยังจำได้ดีว่า ถ้าที่บ้านจะทำกับข้าวที่ทำจาก กะปอม คุณยายจะชอบใช้ให้ไปหามะม่วงเปรี้ยวๆ มาเป็นเครื่องปรุงหลัก และต้องหากับแกล้ม เช่น ใบมะระ ใบมะตูม ท่านบอกว่าอร่อยมาก แต่เราไม่เคยชิมหรอกว่ารสชาติเป็นไง แค่เห็นก็ อี๋ !!! แล้วแหละ
    น้องชายเลยตัวดี ช่วงปิดเทอมเดือนเมษาเนี่ย ชอบไปหาจับ กะปอม อุปกรณ์ก็จะมีทั้งหนังสติ๊ก และไม้ยาวๆ ที่ทำเป็นบ่วงหรือเงื่อนตรงปลายไว้คล้องคอกะปอม เรียกง่ายๆ ว่า ไม้คล้อง ได้เยอะหน่อยก็เอาไปขาย ถ้าได้น้อยก็เอามาให้คนที่บ้านกิน หรือไม่ก็แบ่งญาติๆ กินกัน   คันทรี้ คันทรี่ นะคะ ขอบอก

ลูกชาวนา

ไม่ได้ "รวย" จนล้นฟ้า
เป็นเพียงลูก "ชาวนา" ก็หาความสุขได้


"นอนอะไรนักหนา ตื่นได้แล้ว แม่โทรตามหลายรอบแล้ว" เสียงคุณยายดังมาจากข้างล่าง...
"มีไรจ๊ะ? ขอนอนต่ออีกสักหน่อยไม่ได้หรอ ง่วงอ่ะ -_-"  
"ไปซื้อน้ำแข็ง แล้วเอาไปให้คนงานที่เกี่ยวข้าวเดี๋ยวนี้ ปิดเทอมแทนที่จะไปช่วยเกี่ยวข้าว ไม่มีเลย นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ได้ เป็นลูกชาวนาแท้ๆ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง"
รีบแก้ตัวทันที  "ทำเป็นสิ ใครบอกทำไม่เป็นล่ะ ทฤษฎีงี้ยิ่งแน่น รู้หมดแหละ แต่ช่วงนี้ วันนี้ขี้เกียจ ขอเถอะนะจ๊ะ อิอิ" ....
"ถ้าพ่อแม่ตายไป ใครล่ะจะทำนาให้กินข้าว ขี้เกียจแบบนี้"
"แหม่ ! หนูทำเป็นจริงๆ หรือไม่หนูก็จ้างไงจ๊ะ หนูไม่มีวันขายที่นา อันเป็นที่รัก และเลี้ยงหนูมาจนโตได้ขนาดนี้หรอกจ่ะ ^^ หนูสัญญา"

แม้เราจะเป็นลูกชาวนา แต่.... เราก็มีความสุข ภูมิใจในความเป็นชาวนาของพ่อแม่ ของบรรพบุรุษเรา ชาวนาได้ชื่อว่า เป็น กระดูกสันหลังของชาติ   เป็น "ฮีโร่ของคนไทย"  แน่นอนว่าอาหารหลักของคนไทยคือ "ข้าว" และพวกเขานี่แหละ คือ ผู้ที่ปลูกข้าวให้คนไทยกิน ทั้งยังส่งออกนอกประเทศ เป็นสินค้าเศรษฐกิจ 



ลูกชาวนา


จากทุ่งนาฟ้ากว้าง สางจนกลายเป็นสาย
สายลมอ่อนละไม พลิ้วพรายรักรัว
ลมริ้วทิวล้อ ระริกผืนพรมมัว
พรมพลิ้วพันพัว พร่างพรายพรูพร่าง

ท้องนาทุ่งทอง ฝูงนกบนฟ้า
บินปร๋อพราวตา นกกาบินคว้าง
หากินพเนจร ปีกร่อนเหินเมฆา
ร่อนลมชมฟากฟ้า ถลาร่อนหาเหยื่อกิน



เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ยังด้อยต้องฝึกอ่าน
ขี่ทุยเป็นเพื่อนทาง กางหนังสือใจถวิล
อ่านไปตะโกนไป ก้องฟ้าก้องแผ่นดิน
ลูกชาวนาไม่เคยสิ้น ใฝ่รู้และสร้างงาน


ลูกไทยชาวนา ไม่เคยล้ายิ้มละไม
ยิ้มสยามอยู่นี่ไง ไม่แล้งไร้ยิ้มงาม
รอยยิ้มแต้มแต่ง หน้าแฉล่มงดงาม
พิ้มพรายพริ้มสร้าง พร่างพลิ้วด้วยยิ้มเรา ... ลูกชาวนา


      เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคน โดยเฉพาะทุกท่านที่เป็นชาวนา รู้ดีว่าการทำนามันลำบาก และต้องอดทนมากแค่ไหน บางปีฝนก็แล้ง บางปีน้ำก็ท่วม เผลอๆ บางปีราคาข้าวก็ตกต่ำ ท่านจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ลูกหลานเป็นชาวนา ส่งลูกให้เรียนสูงๆ เราก็เป็นหนึ่งในนั้น แม่เราพูดเสมอว่า ทำนา มันลำบาก เจ็บไข้ได้ป่วยยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ สวัสดิการเราไม่มี เบิกเงินก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตั้งใจเรียน ให้สูงๆ ให้คุ้มกับที่ลงทุน อย่างน้อยได้เป็นครูได้เป็นข้าราชการก็ยังดี จะได้ไม่ต้องลำบากแบบพ่อกับแม่ 
      ลูกคนนี้สัญญานะจ๊ะ ว่าจะตั้งใจเรียน และจะพยายามสอบบรรจุให้เป็นครูของคุณพ่อคุณแม่ให้ได้จ่ะ ^^








พอเพียง


มี่ต้องได้เงินหลายกะสุขอยู่
อันรถหรูมูเฮามี่ต้องก๋าน
ใช้ชีวิตตามวิถีคนโบราณ
เห้อลุหลานสืบใว้อย่าได้ลืม

อันเมืองกรุงทุ่งป่าปูนช่างวุ่นวาย
และร่างกายบั่นทอนด้วยสารพิษ
กลับมาเถาะกลับมาใช้ชีวิต
สุขภาพจิตดีแท้ทุ่งบ้านเฮา

บ้านเฮานี้อากาศดีไร้มลพิษ
ทุกชีวิตสุขสดใสใจชุ่มเย็น
ทั้งปู่ย่าตาทวดเอ็ดเห้อเห็น
ในความเป๋นเผ่าพันธุ์ชาติชาวนา

มี่ต้องได้เงินหลายรวยล้นฟ้า
ภูมิปัญญากะพาเฮาสุขได้
มี่ต้องได้รถหรูใว้สู่ใช้
กะสุขใจได้เพราะความพอเพียง



เงินทองหาซิเลอกะได้
ความสุขใจซิเลอล่ะฮาวบ้าน
บรรพบุรุษสร้างใว้เห้อลุหลาน
จงสืบสานคงใว้อย่าได้ลืม

อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเราหรอกค่ะ เมืองกรุงมีแต่มลพิษ มลภาวะ ผู้คนก็มากมาย ปัญหาหลากหลาย กลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า กลับมาทำไร่ ทำนา รักษามรดกที่บรรพบุรุษของเราสร้างไว้ให้ และกลับมาใช้ชีวิตแบบพอเพียง




Asean


ค่าย Asean 
ที่โรงเรียนสามัคคีวิทยา วันที่ 13 กันยายน 2556



รอบนี้เราได้รับมอบหมาย "สิงคโปร์"

     น้องๆ แต่ละกลุ่มน่ารักมาก ตั้งใจเรียน เชื่อฟัง และปฏิบัติตามทุกอย่าง ไม่ค่อยดื้อ ไม่ค่อยซน ที่สำคัญมีน้ำใจมาก แต่จะวุ่นวายหน่อย เพราะแต่ละคนพูดเก่งมากก 
     เป็นวันที่เหนื่อยมากๆ อีกวันนึง เพราะเราไม่ค่อยสบายด้วย เสียงไม่ค่อยมีและปวดหัวมาก แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ^_^ ด้วยแรงผลักที่ว่า "ต่อไปเราจะเจออะไร หนักกว่านี้"






นิทาน


ค่ายสอนภาษาอังกฤษ
โรงเรียนหลักเมือง ชั้น ป. 5/5  วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556 

"คุณครูครับ วันนี้ครูจะมาสอนอะไรครับ?"

ประโยคแรกที่ได้ยิน... น้ำตาแทบไหล t t " มีคนเรียก คุณครู รู้สึกทั้งภูมิใจ ทั้งดีใจมาก ไม่เคยมีเด็กนักเรียนที่ไหน เรียกแบบนี้มาก่อน 
        วันนั้นไปสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ป. 5/5 โรงเรียนหลักเมือง ดื้อมาก ซนมาก ไปแค่ครึ่งวัน ก็เหนื่อยสุดๆ แล้ว แต่สุดท้ายยังดีที่พวกเขายอมฟังเรา เล่นเกม และสนุกกับเรา ทั้งเล่นเกม ทั้งเล่านิทาน ทั้งร้องเพลงภาษาอังกฤษ  เหนื่อยมากกก แต่ก็รู้สึกเหมือนได้เป็นคุณครูสอนเด็กนักเรียนประถมฯ จริงๆ เลย เด็กที่นั่นเก่งกันมาก แม้จะดื้อ จะซน แต่พวกเขาก็ยังมีสัมมาคารวะ และตั้งใจเรียนมาก ที่สำคัญมีน้ำใจสุดๆ เลยจ่ะ ^^



(^/\^) (^/\^) (^/\^)

คำอวยพรของน้องๆ อันนี้พี่ชอบสุดๆ เลยจ่ะ นี่เป็นความฝันสูงสุดของพี่เลยนะ พี่จะพยายามและทำมันให้จนได้จ่ะ ขอบคุณทุกคนมากนะจ๊ะ ^^